หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

การรักษา cholesterol ในเลือดสูงด้วยอาหาร

ประกอบด้วยหลักการ 7 ประการ
         1. รับประทานที่ให้พลังงานแต่พอควร การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานมากกว่าร่างกายนำไปใช้ จะก่อให้เกิดโรคอ้วนในที่สุด ซึ่งมีผลทำให้ VLDL-Triglyceride ในเลือดสูงขึ้น HDL-cholesterol ในเลือดต่ำ ตลอดจนอาจทำให้ LDL-cholesterol ในเลือดสูงขึ้น ผู้ที่อายุมากกว่า20ปีสามารถประเมินตนเองว่าอ้วนหรือไม่ได้2วิธีคือ
  •  อัตราส่วนเส้นรอบเอวต่อเส้นรอบวงสะโพก ผู้ชายและผู้หญิงควรมีเส้นรอบเอวที่ระดับสะดือต่อเส้นรอบวงสะโพกน้อยกว่า 1 และ 0.8ตามลำดับ หรืออาจจะวัดเส้นรอบเอวผู้ชายไม่ควรเกิน 90 ซม.ส่วนผู้หญิงไม่เกิน 80 ซม.
  • ดัชนีมวลกายโดยเอาน้ำหนัก(กก)หารด้วยส่วนสูง(เมตร)ยกกำลังสองค่าปกติอยู่ระหว่าง 20.00-25.00กก/ตารางเมตร 
  • 2. ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินควรจะลดปริมาณอาหารลง
รับประทานไขมันทั้งหมดไม่เกินร้อยละ30ของพลังงานที่ได้รับประทานไขมันที่มีสัดส่วนของกรดไขมันอย่างเหมาะสมดังนี้
  • รับประทานไขมันอิ่มตัว [saturated fat]ให้น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพลังงานที่ได้รับเพราะไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่เพิ่ม LDL-cholesterol ในกระแสเลือด
  • รับประทานกรดไลโนเลอิก [linoleic acid] ร้อยละ 7ของพลังงานที่ได้รับโดยมีเหตุผล 2ประการคือป้องกกันการขาดกรดไลโนเลอิกและลดระดับ LDL-cholesterol
  • รับประทานกรดแอลฟา-ไลโนเลอิด [alpha-linolenic acid] ร้อยละ 0.5-1.0 ของพลังทั้งหมด
  • รับประทานกรดโอเลอิก [oleic acid] ร้อยละ 10-15ของพลังงานทั้งหมดเพราะกรดนี้สามารถ LDL-cholesterlได้ดีพอๆกับไลโนเลอิก
ในทางปฏิบัติกระทำได้โดยการบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองวันละ1.5-4.5ช้อนโต๊ะและหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันปามล์ กะทิ เนยเหลว เนยเทียมแข็ง นม ครีม ไอสครีม หมูสามชั้น เนื้อติดมันมากๆ ไส้กรอก อาหารทอดนอกบ้าน เช่น ปาท่องโก๋ กล้วย ทอดมัน

3. รับประทานไขมันcholesterolไม่เกินวันละ 300 มก. อาหารที่มีโคเลสเตอรอลมากคือสมองสัตว์ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง จึงหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ ส่วนเนื้อไม่ติดมันรับประทานได้พอควร
4. รับประทานโปรตีนร้อยละ15-20ของพลังงานที่ได้รับ โดยเลือกเนื้อที่มีไขมันไม่มากเช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา นมพร่องมันเนยถั่วเหลือง ไข่ไม่เกินวันละฟอง
5. รับประทานคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 55-60 ของพลังงานทั้งหมด
6. รับประทานผักและผลไม้ที่ไม่หวานเพราะใยอาหารจะช่วยลด cholesterolในเลือด
7. เลือกใช้น้ำมันให้ถูกต้อง ควรเลือกใช้น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโน[monounsaturated]สูง กรดไลโนเลอิก และไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโพลี่ [polyunsaturated] พอควร ไขมันอิ่มตัว[saturated]ต่ำ ดังนั้นที่ดีคือ น้ำมันมะกอก รองลงมาคือน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันข้าวโพด

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

เมนูอาหารสำหรับคนดัดฟัน

สำหรับผู้ที่จัดฟันไม่ควรมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในระหว่างการจัดฟันนะค่ะ  เพราะอาจจะทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันนานขึ้น     ดิฉันจึงอยากแนะนำข้อปฏิบัติดี ๆ สำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการจัดฟันค่ะ  
1.  หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง เหนียวและกรอบทั้งหลาย เช่น การเคี้ยวก้อนน้ำแข็ง ปลาหมึก ถั่ว ลูกอม และหมากฝรั่ง เนื่องจากการหลุดของวัสดุจัดฟันจะก่อให้เกิดความล่าช้าในการจัดฟันได้ 
 2.  การรับประทานผัก ผลไม้ ควรตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กพอคำ และเคี้ยวด้วยฟันกรามข้างหลัง ควรเลือกรับประทานของอ่อน ๆ
 3.  ในระยะแรกของการจัดฟันมักจะเจ็บฟันและอาจมีแผลเกิดขึ้นในช่องปาก ซึ่งอาการจะค่อย ๆ ทุเลาลงในสัปดาห์ที่ 2 การลดการระคายเคืองโดยนำขี้ผึ้งที่ได้รับจากทันตแพทย์ มาปั้นเป็นก้อนๆ แล้วทับบริเวณที่แหลมคมและการดื่มน้ำให้มาก จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น 
วันนี้จะมีเมนูสำหรับผู้ที่ดัดฟันค่ะ ลองทำดูนะค่ะ

น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง 
 เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* เต้าหู้หลอด 3 หลอด (หั่นเป็นท่อนๆ)
* กุ้งขนาดกลาง 200 กรัม   (ล้างทำความสะอาดและ ปอกเปลือก)
* หมูสับ 100 กรัม
* แครอทหั่นเป็นลูกเต๋า 50 กรัม
* ข้าวโพดอ่อนหั่น 50 กรัม
* เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้นๆ 50 กรัม
* ต้นหอม 1/2 ถ้วยตวง (หั่นตามยาว)
* ขึ้นฉ่าย 1/2 ถ้วยตวง (หั่นตามยาว)
* กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
* ซ๊อสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
* พริกไทย 1/4 ช้อนชา
* น้ำตาล 1/4 ช้อนชา
* แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ)
* น้ำมันพืชสำหรับทอดและผัด
  วิธีทำทีละขั้นตอน
1. เตรียมทอดเต้าหู้ โดยใส่น้ำมันพอปรมาณและใช้ไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อน นำเต้าหู้หลอดที่หั่นไว้ลงไปทอดจนเหลืองทั่ว จึงปิดไฟและนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสริฟไว้ก่อน
2. ทำน้ำราดโดยตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง รอจนร้อน ใส่กระเทียมลงไปผัดจนเหลืองหอม จากนั้นใส่กุ้งและหมูสับลงไปผัดต่อจนเกือบสุก
3. ใส่แครอท, เห็ดหอม, ต้นหอม, ขึ้นฉ่ายและข้าวโพดอ่อนลงไปผัดจนเกือบสุก ปรุงรสด้วย น้ำมันหอย, ซ๊อสปรุงรส, พริกไทยและน้ำตาล จากนั้นจึงใส่ส่วนผสมแป้งที่นำไปละลายน้ำ คนต่อเนื่องอย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อน เมื่อแป้งละลายดีแล้วเร่งไฟให้แรงขึ้น ผัดอย่างรวดเร็ว จนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี จึงปิดไฟ
4. เทน้ำราดบนเต้าหูทอดที่จัดใส่จานไว้ (ในขั้นตอนที่ 1) เสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
สมูทตี้กล้วยปั่น
ส่วนผสมหลักสมูทตี้กล้วย (Banana Smoothie)
กล้วยหอม 1 ลูก
น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 125 มิลิลิตร
น้ำแอปเปิ้ล 2 ช้อนโต๊ะ
จมูกข้าวสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำสมูทตี้กล้วย (Banana Smoothie)
นำกล้วย น้ำผึ้ง โยเกิร์ตและน้ำแอปเปิ้ลไปปั่นให้เข้ากันดี รินใส่แก้ว โรยด้วยจมูกข้าวสาลี ดื่มทันที
เคล็ดลับสมูทตี้กล้วย (Banana Smoothie)
เลือกใช้จมูกข้าวสาลีที่ค่อนข้างใหม่ เพราะตัวจมูกข้าวสาลีจะมีน้ำมันอยู่ถ้าหากเก็บไว้นานเกินไปจะมีกลิ่นหืนจากน้ำมันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนะคะ
โจ๊กข้าวกล้องใส่ตับ
เครื่องปรุง
 ตับไก่ , ต้นหอมซอย , เนยสด , ไข่ไก่ , น้ำต้มกระดูก
วิธีทำ
ต้มโจ๊ก กับน้ำซุป ใช้ไฟอ่อนคนพอโจ๊กสุก
ใส่ไข่ไก่ลงไปคนให้เข้ากันจนสุก
ใส่ตับไก่ลงไปต้มจนสุก ตักขึ้นมาบดให้ละเอียด แล้วใส่ไปต้มต่ออีกสักพัก ใส่ต้นหอมซอย ใส่เนยสด ให้เดือดอีกทียกลงค่ะ
ไข่ตุ๋น ทรงเครื่อง
ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง เมนูไข่ที่ทำได้ง่ายแต่ได้รสอร่อยจากเครื่องต่างๆที่ใส่ลงไป ไม่ว่าจะเป็น เนื้อปู เนื้อกุ้ง เห็ดหอม แครอท แน่นอนว่าเมนูนี้อร่อยและมีสารอาหารครบถ้วนด้วย
เครื่องปรุง อาหาร
• เวลาในการทำ 50 นาที

ส่วนผสมสำหรับ 2-3 ที่
1. ไข่ไก่ 4 ฟอง
2. เนื้อปู 70 ก.
3. เนื้อกุ้ง 5 ตัว (แกะเปลือกทั้งหมด)
4. น้ำเปล่า 300 มล.
5. เห็ดหอมสด 3 ดอก
6. แครอท 30 ก.
7. พริกไทยป่น 1 ชช.
8. น้ำปลา 1 ? ชต.
9. น้ำมันหอย 1 ชต.
10. ต้นหอม 1 ต้น
11. ผักชี 1 ต้น
ขั้นตอน วิธีทำ
1.ซอยต้นหอมหอม ผักชี ตามด้วยหั่นก้านเห็ดหอมทิ้งไปและหั่นเป็นชิ้นบาง สับแครอทให้เป็นชิ้นเล็กๆ นำกุ้งมากรีดด้านหลัง ดึงเส้นดำทิ้ง และหั่นกุ้งเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ตัว
2. นำไข่ไก่ และเครื่องปรุงทั้งหมดผสมให้เข้ากัน เติมเนื้อปู เนื้อกุ้งสับ และแครอทสับ เห็ดหอม ต้นหอม ผักชี คนให้เข้ากัน เทใส่ถ้วยเตรียมไว้
3. ตั้งน้ำให้เดือด นำไข่ตุ๋นลงนึ่ง 10 นาที เปิดฝาออกและวางแครอท เห็ดหอม เนื้อกุ้ง บนหน้าของไข่ตุ๋น นึ่งต่ออีก 10 นาที เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟ




วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

5 เมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยเพื่อต้านมะเร็ง


อาหารต้านมะเร็ง
1. ผัก  - ผักมีกากใยปริมาณมาก  ซึ่งผักที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านมะเร็ง ได้แก่
v   กลุ่มผักมีสี เช่น บีทรูท ผักโขม แครอท มะเขือเทศ  ยิ่งมีสีเข้มมมากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงว่ามีสารที่มีประโยชน์ (phytochemical) มากขึ้นเท่านั้น   รงควัตถุเหล่านี้ได้แก่ ไบโอฟลาวินอยด์ 20,000 ชนิด และแคโรทีนอยด์ 800 ชนิด ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายและยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการทำลายเซลล์มะเร็ง
v   กลุ่มกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี กะหล่ำดอก   ในผักชนิดนี้จะมีสารต้านมะเร็ง  สารที่ช่วยขจัดสารพิษ ตลอดจน อินดอล-3-คาร์บินอลและซัลโฟราเฟน
v   หัวหอม&กระเทียม – ประกอบด้วยไบโอฟลาวินอยด์หลายชนิดด้วยกัน หนึ่งในนั้นได้แก่ เคอร์ซิทิน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้  นอกจากนี้ยังมีสารต้านมะเร็งอื่นๆ ได้แก่ อัลลิซิน , เอส-อัลลิล ซิสทีอิน, ซีลีเนียมและสารที่เรายังไม่รู้จักอีกมากมาย   ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ที่เราจะรับประทานกระเทียมและหัวหอม เป็นประจำ
2. ปลาน้ำเย็น เช่น แซลมอน คอท แมคเคอเรล  ซาร์ดีน  ทูน่าและปลาจากทะเลน้ำลึก  ในปลา  เหล่านี้จะอุดมไปด้วยไขมันที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ได้แก่ EPA(eicosapentaenoic acid) และ DHA ( docosahexaenoic acid) ซึ่งชะลอการแพร่ของมะเร็ง  กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆที่พบในน้ำทะเล แต่ไม่พบในดิน
3.ถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง ในถั่วเหล่านี้พบว่ามีสารต้านโปรตีเอสในปริมาณสูง(มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง) นอกจากนี้ยังพบว่ามีอินโนซิทอล เฮกซาฟอสเฟต(กรดไฟตริก ซึ่งในท้องตลาด จะขายในรูปของ IP-6)  และจีเนสเตอิน (ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งตีบลง)   นอกจากนี้ในถั่วยังอุดมไปด้วยกากใยที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งจะช่วยในขบวนการทำความสะอาดของร่างกายตามธรรมชาติ

4.เมล็ดธัญพืช เช่นข้าว โอ๊ต  บาร์เลย์  ข้าวโพด ข้าวสาลี  เนื่องจากเมื่อกากใยของพืชเหล่านี้แตกตัวที่ลำไส้จะเปลี่ยนเป็นกรดบิวไทริกที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
5.สาหร่ายทะเล  จะประกอบด้วยสารบางชนิดที่ป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร  และยังประกอบด้วยกากใยชนิดพิเศษที่สามารถละลายน้ำได้ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการนำไขมันอันตราย สารอนุมูลอิสระ สารพิษต่างๆออกจากลำไส้     นอกจากนี้สาหร่ายทะเลยังเป็นแหล่งของแร่ธาตุอย่างดีจากน้ำทะเล
6.เบอร์รี่ เช่น ราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่  เบอร์รี่สีดำ เพราะในเบอร์รี่จะมีสารต้านมะเร็งในปริมาณสูง และยังมีกรดอัลลาจิกที่จะทำลายเซลล์มะเร็งให้ตาย

7.โยเกิร์ต  เนื่องจากในโยเกิร์ตจะมีแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิลัส ที่สามารถหมักนมให้เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อทางเดินอาหารและระบบภูมิคุ้มกัน  และเนื่องจากกว่า 80% ของระบบภูมิคุ้มกันจะอยู่ที่ทางเดินอาหาร  ดังนั้นโยเกิร์ตจึงเป็นอาหารที่จัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างกายในการป้องการติดเชื้อและยังช่วยต้านมะเร็งอีกด้วย
8.ชาเขียว  ประกอบด้วยคาเทชินและสารเคมีในพืชอีกหลายชนิดด้วยกัน  จากงานวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่นและจีน พบว่าชาเขียวสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งและยังสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งให้เป็นเซลล์ปกติได้
หมายเหตุ  การดื่มชาเขียวให้ได้รับประโยชน์เต็มที่นั้น ต้องดื่มทันทีหลังจากชงเสร็จ เนื่องจากถ้าทิ้งไว้ชาเขียวจะทำปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ  ทำให้สูญเสีย   คุณค่าไป
9.เครื่องเทศ  -มาสตาร์ด  พริก พริกไท  กระเทียม หัวหอม  ขิง โรสแมรี่  อบเชยและเครื่องเทศอื่นๆที่ใช้ปรุงแต่งรส  สามารถต้านมะเร็งและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
10.น้ำสะอาด  - เป็นเรื่องแปลกที่กว่า 2 ใน 3 ของพื้นที่บนโลกและของร่างกายนั้นประกอบด้วยน้ำ  เนื่องจากน้ำนั้นเป็นเป็นสารตัวกลางสำคัญของร่างกายที่ใช้ในขบวนการต่างๆของเซลล์ อาทิเช่น ควบคุมสมดุลกรด-ด่าง  การทำความสะอาด  การขจัดสิ่งสกปรก  และยังนำพาสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่เซลล์  ตลอดจนนำของเสีย หรือสารพิษออกจากเซลล์อีกด้วย
10 เมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
1.ห่อหมกปลาช่อนใบยอ
ส่วนผสม
1. มะกรูด ใบตอง กระทิ หัวกระทิ พริกเเกงเเดง(ทำห่อหมก) เนื้อปลาช่อน ผักชี ใบยอ
2.ปลาช่อน หั่นเอาเนื้อ 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. เตรียมใบมะกูดมาหันฝอยๆ  ใบยอ  พริกแกงแดงทำห่อหมก
2.คั้นน้ำกะทิ แล้วนำพริกแกงมาใส่  หัวกระทิแยกไว้
3.นำเนื้อปลาช่อนมาใส่หม้อพร้อมเครื่องแกงตีไข่เป็ด ใส่ 2ฟอง ปรุงรส คนให้เข้ากัน จนเป็นเนื้องวดๆ
4.เตรียมใบตองพร้อมห่อ
ใส่พริกแกงคนพร้อมกับหัวกระทิ
รองด้วยใบยอ 
5.นำใบย่อรองบนใบตองก่อนแล้วนำเครื่องแกงห่อหมกมาใส่ตามด้วยใบมะกูด ราดด้วยหัวกะทิข้นๆ ราดลองไป เสร็จแล้วก็ห่อ
6.เมื่อห่อเสร็จแล้ว นำไปนึ่งให้สุก ประมาณ 30-40 นาที จนหอม
7.ยกลง พร้อมเสริฟ ก็อร่อยสุดๆ
ขอขอบคุณ : http://foodfunza.blogspot.com

2.ฉู่ฉี่ปลาทับทิม
เครื่องปรุง
1. ปลาทับทิม หรือ ปลานิล ทอดกรอบๆ
2. น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชูรส (ผสมรวมกันไว้ ปรุงให้ได้ 3 รส)
3. พริก กระเทียม รากผักชี (โขลกรวมกันไม่ต้องละเอียดมาก)
วิธีทำ
-.คลุกปลาด้วยมะนาว แล้วจึงเคล้าด้วยเกลือ เกลือกด้วยแป้งสาลีบางๆ
-.ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ทอดปลาพอเหลืองตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
-.โขลกพริกชี้ฟ้า กระเทียม 5 กลีบ รากผักชี เข้าด้วยกัน
-.ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟร้อน ใส่เครื่องที่โขลก ผัดพอหอม ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชูรส
-.ราดใส่ที่ปลา ตักใส่จานเสิร์ฟ

3.แกงเผ็ดเป็ดย่าง
เครื่องปรุง
เป็ดย่าง ½ ตัว
สัปปะรดหั่นเป็นชิ้น ½ ถ้วย
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูด 5 ใบ
มะเขือเทศลูกเล็ก 6 ลูก
วิธีทำ
1. นำเป็ดย่างมาแกะกระดูกออก หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ นำใบมะกรูดและมะเขือเทศไปล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วฉีกใบมะกรูดเอาเส้นกลางใบออก และผ่ามะเขือเทศเป็นสองส่วน
2. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำหัวกะทิใส่ลงในหม้อประมาณ ½ ถ้วย (ไม่ต้องคนกะทิก่อนเทนะคะ จะได้ส่วนบนเป็นหัวกะทิ) รอจนหัวกะทิเดือดก็ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไป ผัดให้น้ำพริกกับกะทิเข้ากัน รอจนกะทิแตกมัน (หมั่นคนเป็นระยะนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวก้นจะไหม้)
3. เมื่อกะทิแตกมันได้ที่แล้วจึงใส่เนื้อเป็ดย่างที่หั่นไว้ลงไป ผัดให้เข้ากัน ทะยอยเติมกะทิที่เหลือลงไปครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะประมาณ 3 ครั้ง
4. ใส่สัปปะรดและมะเขือเทศที่หั่นแล้วลงไป คนให้เข้ากัน ใส่กะทิที่เหลือลงไปจนหมด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว (หรือน้ำปลา) และน้ำตาลทราย รอจนกะทิเดือดอีกครั้ง ก็ใส่ใบมะกรูดลงไป คนให้เข้ากัน ปิดเตา
5. ตักใส่ชาม จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ
4.ไข่เจียวใส่หอมหัวใหญ่-มะเขือเทศส่วนผสม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ถั่วฝักยาว
- หอมหัวใหญ่
- แครอท
- มะเขือเทศ
- น้ำมันพืช
วิธีการทำ
- เมื่อเราได้เตรียมของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ทำการตอกไข่ จากนั้นใส่น้ำมันเตรียมพร้อมเอาตั้งไฟ ใช้ไฟไม่ต้องแรงมากประมาณกลางๆ ตั้งน้ำมันรอไว้
- ทีนี่เราก็มาตีไข่ใส่ชาม จากนั้นใส่ซีอิ้วขาว ในส่วนนี้สามารถที่จะใส่เครื่องปรุงอย่างอื่นได้ด้วย ส่วนผัก ก็แล้วแต่ชอบอยากใส่อะไรก็ได้ อย่างเช่น ข้าวโพด กระเทียม ต้นหอม  หรือไก่สับ หมูสับก็ได้
- พอน้ำมันเริ่มร้อนได้ที่ก็เทไข่ใส่ลงไปได้เลยปรับไฟลงประมาณนึง พยายามอย่าใจร้อนเพราะถ้าเราใจร้อนใข่ด้านนอกสุก แต่ข้างในอาจจะยังไม่สุกไข่ด้านนอกอาจจะไหม้ก่อนค่อยๆกลับด้านในหมุนไป เรื่อยๆ จนสุก
5.ไก่ทอดสมุนไพร

ส่วนประกอบและวิธีทำ น่องไก่บน ทอดสมุนไพร
1 ปีกไก่ส่วนบน (น่องไก่บน) 1 กิโลกรัม ล้างทำความสะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง
2 ตำส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันมี ขมิ้นปอกเปลือก 1 ขีด , ตะไคร้หั่นตำบีบเอาน้ำออกทิ้งก่อน 3 ต้น , กระเทียมแกะเป็นกลีบ 1 ช้อนโต๊ะ , รากผักชี 5 ราก ตำทุกอย่างรวมกันไม่ต้องถึงขั้นละเอียดมาก แล้วใส่คนอร์ไก่ผง 1 ช้อนโต๊ะ , น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ , แป้งโกกิ 50 กรัม ผสมให้เข้ากันดี นำปีกไก่ที่เตรียมไว้ลงมาคลุกให้ทั่ว หมักไว้ 30 นาที
3 ตั้งกะทะใส่น้ำมันกะให้ท่วมเนื้อไก่ที่จะทอด เปิดไฟแรงก่อน น้ำมันร้อนแล้วค่อยหรี่ใช้ไฟกลาง นำน่องไก่บนหรือปีกไก่ที่หมักไว้ลงทอด ขณะทอดเมื่อเครื่องปรุงทั้งขมิ้นและตะไคร้ที่ตำไว้เริ่มสุกก็จะเริ่มลอยขึ้นมา ให้ใช้ตะแกรงตาถี่ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันเก็บไว้ก่อน อย่าปล่อยไว้นานเพราะจะทำให้มีรสขม เมื่อเนื้อไก่ที่ทอดสุกดีแล้ว ให้ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน ตักวางเรียงใส่จาน นำกากเครื่องปรุง(แก้เลี่ยนได้ดีมาก)ที่เราตักออกมาก่อนนี้โรยบนน่องไก่(บน)ทอดแต่งหน้าด้วยผักชีและพริกแดงเส้น กินคู่กับน้ำจิ้มไก่
เทคนิคการทำ น่องไก่บน ทอดสมุนไพร
1 ปีกไก่ถ้ามีขนอ่อนติดมาก จะลวกน้ำร้อนจัดๆ ก่อนพอให้หนังตึงจะถอนขนได้ง่ายขึ้น
2 เวลาเติมแป้งโกกิต้องค่อยไเติมและผสมไปเรื่อยๆ ไม่งั้นจะจับเป็นก้อน
3 เวลาตั้งน้ำมันต้องเปิดไฟแรงให้น้ำมันร้อนจัดก่อน แล้วค่อยหรี่ไฟ เวลาทอดจะไม่อมน้ำมัน
ขอขอบคุณ : http://yummy-style.blogspot.com
http://www.travelthaimagazine.com






วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

5 เมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อน

อาการของโรคมะเร็งตับอ่อนและเมนูอาหารสำหรับผู้เป็นมะเร็งตับอ่อน
วิธีรักษาและลักษณะของโรคมะเร็งตับอ่อน
   เกรียงไกร อายุ 52 ปี ลาออกจากบริษัทเพราะอยากมีกิจการร้านอาหารของตัวเอง จึงไปลงเรียนทำอาหาร วันหนึ่ง
เกรียงไกรพาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และถือโอกาสสำรวจรสชาติอาหารตามร้านต่าง ๆ ไปด้วย หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เขาเกิดอาการปวดท้อง แต่คิดว่าไม่เป็นไรเพราะอาจเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินไป หลายวันผ่านไปก็ยังมีอาการปวดท้องอยู่ แต่คราวนี้มีอาการแน่นร่วมด้วย เขาจึงรีบไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาลาล และก็พบว่าทุกอย่างปกติดี ไม่พบเนื้องอกและมะเร็งใด ๆ แต่พบว่ามีคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเป็นคนชอบรับประทานอาหารไขมันสูงและดื่มเหล้าหลังอาหารทุกวัน
   หลังจากไปพบหมอ เกรียงไกรได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองใหม่ โดยวิ่งและออกกำลังกายทุกเช้า และเลิกบุหรี่ที่สูบมานานเกือบ 30 ปี จู่ ๆ ก็เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาอีก แต่คิดไปว่าเป็นเพราะเริ่มออก
กำลังกายกะทันหันเกินไป เขาจึงให้ภรรยานวดหลัง อาการก็ดีขึ้น แล้ว 2 สัปดาห์ต่อมา อาการปวดท้องและแน่นท้องก็หายไป เขาเข้าใจว่า ร่างกายเริ่มแข็งแรงเป็นปกติแล้ว โดยไม่รู้ว่าโรคร้ายกำลังมาเยือน จวบจนครึ่งปี ด้วยความมานะพยายามทำให้เขาสามารถเปิดร้านอาหารได้สำเร็จและกำลังจะเปิดตัวในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าคืนก่อนเปิดร้าน กลางดึกเขาออกมาปัสสาวะและพบว่าสีปัสสาวะกลายเป็นสีช็อกโกแลต และหน้าเขาซีดเหลืองเห็นได้ชัด เกิดอะไรขึ้นกับเกรียงไกร?
 กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อน
   มักเกิดกับคนที่มีอายุระหว่าง 60-70 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และสามารถเกิดได้กับคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแรง ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากโรคชนิดนี้เกิดจากการสะสมของสารพิษ และมลภาวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ทำให้ตับอ่อนอักเสบ
 อาการที่พึงระวัง
 คนที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ แต่ไม่รุนแรง และอยู่ ๆ อาการปวดท้องก็หายไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือ