
วิธีรักษาและลักษณะของโรคมะเร็งตับอ่อน
เกรียงไกร อายุ 52 ปี ลาออกจากบริษัทเพราะอยากมีกิจการร้านอาหารของตัวเอง จึงไปลงเรียนทำอาหาร วันหนึ่ง
เกรียงไกรพาครอบครัวออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และถือโอกาสสำรวจรสชาติอาหารตามร้านต่าง ๆ ไปด้วย หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เขาเกิดอาการปวดท้อง แต่คิดว่าไม่เป็นไรเพราะอาจเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินไป หลายวันผ่านไปก็ยังมีอาการปวดท้องอยู่ แต่คราวนี้มีอาการแน่นร่วมด้วย เขาจึงรีบไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาลาล และก็พบว่าทุกอย่างปกติดี ไม่พบเนื้องอกและมะเร็งใด ๆ แต่พบว่ามีคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากเป็นคนชอบรับประทานอาหารไขมันสูงและดื่มเหล้าหลังอาหารทุกวัน


กลุ่มเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อน
มักเกิดกับคนที่มีอายุระหว่าง 60-70 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และสามารถเกิดได้กับคนที่คิดว่าตัวเองแข็งแรง ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เนื่องจากโรคชนิดนี้เกิดจากการสะสมของสารพิษ และมลภาวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ทำให้ตับอ่อนอักเสบ
อาการที่พึงระวัง
คนที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ แต่ไม่รุนแรง และอยู่ ๆ อาการปวดท้องก็หายไปประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือ
อยู่ ๆ ก็มีอาการปวดหลังกะทันหัน คนที่มีอาการดังกล่าวควรพึงระวัง เพราะนั่นเป็นอาการที่บ่งบอกเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับอ่อน

ตับอ่อนเป็นอวัยวะอยู่หลังกระเพาะมีหน้าที่สร้างน้ำย่อย น้ำดี ตับอ่อนมีท่อต่อกับท่อรวมน้ำดีซึ่งไปเปิดที่ปลายกระเพาะอาหารต่อกับลำไส้เล็กส่วนต้น มีหน้าที่สร้างน้ำย่อยเพื่อใช้ในการย่อยและดูดซึมโปรตีนกับไขมัน
มะเร็งตับอ่อนเกิดจากมีเนื้อมะเร็งขึ้นที่ตับอ่อน ซึ่งอยู่ด้านหลังของช่องท้องเป็นเนื้อมะเร็งที่ตรวจค้นหาได้ยากที่สุดชนิดหนึ่ง ไม่ทราบสาเหตุ ที่แน่ชัด แต่เกิดจากการสูบบุหรี่และดื่มจัดเป็นระยะเวลานาน มักพบในผู้ชายช่วงอายุ 50-70 ปี ที่ชอบรับประทานอาหารไขมันสูง
ลักษณะอาการของมะเร็งตับอ่อนเกิดขึ้นเมื่อตับอ่อนทำงานหนัก มีอาการหลั่งน้ำย่อยและฮอร์โมนออกมา ขณะที่น้ำย่อยไหลออกมามาก มะเร็งจะก่อตัวขึ้นที่บริเวณท่อตับอ่อน หรือ Pancreatic duct มีอาการปวดท้องหรือแน่นท้องและปวดจากเซลล์มะเร็งที่โตขึ้น การไหลของน้ำย่อยถูกอุดกั้นไว้ในตับอ่อนทำให้ตับอ่อนบวม แต่อาการเจ็บปวดที่ไม่ได้รุนแรง ผู้ป่วยจึงไม่รู้ตัว และอาจตรวจไม่พบเซลล์มะเร็งในตับอ่อนเพราะตับอ่อนถูกห้อมล้อมไปด้วยอวัยวะอื่นๆ เช่น กระเพาะอาหารเป็นต้น ดังนั้น การตรวจร่างกายทั่วไปจึงไม่เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น จนเมื่อมีอาการถ่ายปัสสาวะเหมือนช็อกโกแลตและหน้ามีสีเหลือง เนื่องจากเซลล์มะเร็งเจริญเติบโต จนไปปิดกั้นทางเดินน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน ทำให้น้ำดีไหลย้อนกลับออกไปนอกท่อและเข้าสู่กระแสเลือดไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
.png)
***มะเร็งก่อตัวที่บริเวณท่อ Pancreatic duct ซึ่งเกิดจากการหลั่งน้ำย่อยและฮอร์โมนออกมามาก ๆ เพื่อย่อยไขมัน***
***มะเร็งเจริญขึ้นจนไปอุดตันการไหลของน้ำย่อย ตับอ่อนจะบวมขึ้น ทำให้มีอาการปวดท้องและปวดหลัง***
***ถุงน้ำดีโตเพราะเซลล์มะเร็งไปปิดกั้นทางเดินของน้ำดีที่ไหลผ่านตับอ่อน***
วิธีการรักษาโรคมะเร็งตับอ่อน

รู้ไว้ ไกลโรค
ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับอ่อนหรือมะเร็งชนิดใด ๆ ก็ตาม ล้วนเป็นโรคร้ายแรง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการป้องกัน โดยไม่นำสารพิษ เช่น เหล้า บุหรี่ เข้าสู่ร่างกาย หลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลง รับประทานผัก ผลไม้ และอาหารที่อุดมด้วยวิตามินให้ครบส่วนและเมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคจะต้องปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และคนในครอบครัวควรให้การดูแลและเป็นกำลังใจสำคัญ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยสามารถต่อสู้กับโรคร้ายต่อไปได้
แพทย์ผู้ให้ข้อมูล : ผศ.นพ.ธัญเดช นิมมานวุฒิพงษ์ แพทย์หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรม เทคโนโลยีชั้นสูง (ASIT) โรงพยาบาลพญาไท 3
อาหารแนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ก่อนเริ่มการรักษา
- อาหารประเภทผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานสะสม
- ผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก Whole grain
- เนื้อสัตว์หรือนมที่มีไขมันต่ำ
- งดอาหารประเภทไขมันสูง น้ำตาล เหล้า อาหารเค็มจัด
- นมไขมันต่ำ
- ไข่ดาว ต้ม ลวก
- โจ๊กหมูสับ ใส่ไข่
- ข้าวผัดปูแครอท
- ซุป ชนิดต่างๆ เช่น ซุปข้าวโพด ฟักทอง เห็ด
- ผักผัด
- ผลไม้ เช่น ส้ม ชมพู่ แอปเปิล ฝรั่ง สัปปะรด
- ลูกเดือย ถั่วเขียวต้ม
- แซนวิช หรือแครกเกอร์
- ไอศกรีมเชอเบท
..................................................................................................................

1.ข้าวผัดปูแครอท
สูตรข้าวผัดปู ความอร่อยที่ไม่ธรรมดา
ส่วนประกอบ
1.ข้าวกล้องสวย 2 ถ้วย
2.เนื้อปูทะเลต้มแกะแล้ว 1 ตัว
3.แครอทหั่นฝอยถ้วย ½ ถ้วย
4.เมล็ดถั่วลันเตา 1 ช้อนโต๊ะ
5.ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
7.ไข่ไก่ 1 ฟอง
8.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
10.แตงกวาหั่นเป็นแว่น 1 ผล
11.กระเทียมสับ 1 หัว
12.ต้นหอม ผักชี พริกไทยป่น
วิธีทำ
- นำกระทะขึ้นตั้งบนเตา ใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่กระเทียม สับเจียวพอหอม ใส่เนื้อปูที่แกะแล้ว ใส่ข้าว แครอท เมล็ดถั่วลันเตา ผัดให้สุกทั่วกัน ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว
- แหวกข้าวผัดที่กันกระทะ ตอกไข่ไก่ใส่ละเลงให้ไข่สุกเร็วๆ แล้วคลุกให้ทั่วข้าว ใส่น้ำมันหอย ผัดให้ทั่ว
- ตักขึ้นใส่จาน นำแตงกวาหั่นเป็นแว่นวางข้างจาน โรยหน้าด้วยพริกไทยป่น ต้นหอม ผักชี รับประทานได้เลย
ส่วนประกอบ

- ปลายข้าวหอมมะลิประมาณ 2 ถ้วยตวง
- หมูสับประมาณ 2 ขีด
- วันนี้แม่ปันปรายมีกระดูกหมูอ่อนด้วย แต่ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ
- หัวไชเท้า 1 หัว (ไม่ต้องใหญ่มาก)
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
- ไข่ลวก 3 ฟอง (ตามชอบ)
- ขิงซอย 1 ถ้วยตวง
- ซุปไก่ก้อน 1 1/2 ก้อน
- กระเทียมเจียว
- ต้นหอมผักชีซอยละเอียด
- พริกไทย และเครื่องปรุงตามชอบ (เช่น พริกป่น น้ำปลา น้ำส้มสายชู)

- ต้มปลายข้าวกับน้ำสะอาด 1/2 ลิตร (ใครไม่มีปลายข้าว จะใช้ข้าวสวยมาบดหรือสับซักหน่อยก็ได้ค่ะ) แต่เวลาต้องคอยดูอย่าให้น้ำใส เพราะเราต้องเติมน้ำซุปเพื่อปรุงรสอีก
- ต้มข้าวจนเละได้ที่ ปิดไฟไว้ก่อน
- ต้มน้ำซุป วันนี้แม่ปันปรายใช้กระดูกหมูอ่อน จำนวนหนึ่ง ต้มกับหัวไชเท้าและซุปไก่ก้อน 1 ก้อน (จะใช้ซุปหมูก้อนก็ได้นะคะ เผอิญชอบรสไก่ค่ะ) ใช้น้ำเพื่อต้มประมาณ 1.5 ลิตร
- ปรุงรสน้ำซุป โดยใส่ ซีอิ๊วขาว 2 ช้่อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ระหว่างนั้น ให้ปรุงรสหมูสับ โดยใส่ ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา และพริกไทยอีก 1/2 ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วพักไว้ก่อนค่ะ
- เมื่อน้ำซุปได้ที่แล้ว ค่อยๆเติมน้ำซุปใส่ในข้าวที่ต้มไว้ ปรุงรสเพิ่มด้วยซุปไก่ก้อน 1/2 ก้อน และซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ ชิมรสดู แล้วปรุงรสตามชอบ

- ต้มน้ำให้เดือด ดูจำนวนน้ำให้ท่วมไข่
- เมื่อน้ำเดือดแล้ว ค่อยๆใส่ไข่ลงไประวังอย่าให้แตก แล้วนับซัก 10 วินาที ปิดฝาและปิดไฟ
- รอจนครบ 5 นาที แล้วนำมาออกมาพักไว้ค่ะ
3.ซุปข้าวโพด 2 แบบ

- ข้าวโพดฝานละเอียด 3 หัว
- หัวหอมใหญ่สับละเอียด 1 หัว
- เนย 3 ช้อนโต๊ะ
- นมสด 1 ถ้วย
- ครีมสด 1 ถ้วย
- น้ำซุป 1 ถ้วย
- เกลือ พริกไทย น้ำตาล
- ใบกระวาน 1 ใบ
วิธีทำ
- ผัดหัวหอมใหญ่กับเนย จนกระทั่งหอมใส แล้วจึงนำเอาข้าวโพดลงไปผัดจนกระทั่ง ข้าวโพดสุก
- ใส่น้ำซุปลงไปเพื่อเคี่ยวให้ข้าวโพด หัวหอมใหญ่ นิ่มเป็นเนื้อเดียวกัน
- ใส่เกลือ พริกไทย ใบกระวานลงไป ต้มต่อสักพักจนเครื่องปรุงเข้ากันดีแล้ว
- นำเครื่องปรุงทั้งหมด ลงปั่นในเครื่องปั่นอาหารให้ละเอียดเนียน นำเอามากรองกับผ้าขาวบาง เพื่อบีบเอาแต่เนื้อครีมข้าวโพด
- นำนมสด ตั้งไฟอ่อน ใส่เนื้อครีมข้าวโพดที่ผ่านการปรุงรสแล้ว คนให้เนื้อครีมผสมกับนมสด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปสักพัก จนเดือดชิมรส เติมได้ตามชอบใจ แต่เปิ้ลชอบให้เนื้อครีมมีรสหวานเล็กน้อย จึงใส่น้ำตาลนิดหน่อยค่ะ
- เมื่อเครื่องปรุงเดือดดีแล้ว เติมครีมสด คนตลอดเวลาที่ใส่ครีมแล้ว รอให้เดือดอีกครั้ง ปิดไฟพร้อมเสริฟ
- เสริฟพร้อมกับขนมปังกรอบก้อนเล็ก ๆ หรือถ้าชอบเบคอน ใส่เบคอนที่ทอดกรอบแล้วชิ้นเล็ก ๆ โรยหน้าจะหอมมั๊ก ๆ ค่ะ
3.2 แบบมีเนื้อข้าวโพดผสมค่ะ
- ข้าวโพดฝานละเอียด 3 หัว แบ่งไว้เป็น 2 ส่วน
- หัวหอมใหญ่สับละเอียด 1 หัว
- เนย 3 ช้อนโต๊ะ
- นมสด 2 ถ้วย
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 1 ถ้วย
- เกลือ พริกไทย น้ำตาล
- ใบกระวาน 1 ใบ
วิธีทำ
- ผัดหัวหอมใหญ่กับเนย จนกระทั่งหอมใส แล้วจึงนำเอาข้าวโพด 1 ส่วน ลงไปผัดจนกระทั่ง ข้าวโพดสุก
- ใส่แป้งข้าวโพด ลงไปผัดกับเครื่องปรุงจนทั่วกันดี เติมน้ำซุป เติมเกลือ พริกไทย น้ำตาล ใบกระวาน ตั้งไฟอ่อน
- เคี่ยวซุปด้วยไฟอ่อน จนกระทั่งเครื่องปรุงนิ่มเป็นเนื้อเดียวกัน
- เติมนมสด และข้าวโพดส่วนที่ 2 ลงไป เคี่ยวต่ออีกสักพัก จนกระทั่งข้าวโพดสุก ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ พร้อมเสริฟค่ะ
- เสริฟพร้อมกับขนมปังกรอบก้อนเล็ก ๆ หรือถ้าชอบเบคอน ใส่เบคอนที่ทอดกรอบแล้วชิ้นเล็ก ๆ โรยหน้าจะหอมมากๆ ค่ะ
4. เมนูผัดผักบล็อโคลี่กับเห็ดหอม
วัตถุดิบและสัดส่วน:
1. บล็อกโคลีหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. เห็ดหอมสด
3. เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ
4. กระเทียมสับละเอียด
5. น้ำมันพืช
เครื่องปรุง:
1. น้ำตาล
2. น้ำปลา
3. น้ำมันหอย
4. ซีอิ๊วขาว

6. พริกไทย
ขั้นตอนการปรุง:
1. ผักต่างๆ ล้างน้ำแล้วนำขึ้นสะเด็ดใส่กระชอนไว้
2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อน ใส่กระเทียมลงมาเจียวจนหอม
3. ใส่หมูที่หั่นไว้ลงมาผัด พร้อมใส่เครื่องปรุงรสต่างลงไป ตามด้วยบล็อกโคลี และเห้ดหอมสด
4. ผัดจนผักสุก แล้วโรยพริกไทยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน
5. เมนูขนมหวาน ลูกเดือย-ถั่วเขียวต้ม
1. ลูกเดือย - ถั่วเขียว (คัดเอาถั่วเสีย เศษผง และ ถั่วหินออกแล้ว) 1/2 ถ้วย
2. น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย
3. น้ำตาล ทราย 1/2 ถ้วย (ไว้แต่งรสตามชอบ)
4. เกลือ 1/8 ช้อนชา
5. น้ำ 6 ถ้วย
วิธีทำ
1. แยกถั่วที่ดี และถั่วที่เสีย ได้โดยการนำน้ำใส่อ่างผสม และเทถั่วลงไป คัดถั่วที่ลอย และเม็ดสีดำออก
2. ล้างถั่วให้สะอาด
3.นำถั่วที่ได้คั่วด้วยไฟอ่อน จนให้มีกลิ่นหอม
เอาถั่วที่คั่วแล้ว ไปแช่น้ำเปล่าประมาณ 3 ชั่วโมง (ผมล่อไปทั้งคืน)
ช่วงนี้แหล่ะที่ถั่วจะขยายตัว ก็คอยมาเติมน้ำสักครั้งเมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะกำลังดี
เหตุที่ีต้องแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงก็เพราะจะได้ไม่ต้องต้มนาน

4. นำถั่วเขียวลงไปต้ม (ปริมาณน้ำกะเอา) เมื่อน้ำเดือด ปรับไฟเป็นไฟอ่อน อย่าเพิ่งใส่น้ำตาลเด็ดขาด ต้มไปจนกว่า ถั่วจะสุกนุ่ม บานเล็กน้อย
5. ต้มๆ คนๆ ไปเรื่อยๆ จนถั่วเขียวเริ่มบานออก แล้วจึงใส่น้ำตาลทรายแดง เหยาะเกลือนิดหน่อย (ย้ำ! ว่านิดเดียว) ชิมรสหวาน จืดตามใจชอบ แล้วตักกินได้เลย (ระวังร้อน)
เกร็ด ที่ต้องใส่น้ำตาลทีหลังเพราะถ้าเราใส่น้ำตาลลงไปก่อน จะทำให้จุดเดือดของน้ำสูงขึ้น ทำให้ถั่วสุกยากขึ้น
คำเตือน: เนื่องจากหลังจากปรุงเสร็จ ถั่วเขียวจะขยายตัวเป็นปริมาณประมาณ 1.5 เท่าของปริมาณเดิม ดังนั้นเวลากะก็กะให้พอว่ามันขยาย 1.5 เท่าแล้วไม่เหลือ ไม่ล้นเกิน

สรรพคุณ
- ถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น รสหวาน ทำให้มีคุณสมบัติเด่นในการขับร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยขับปัสสาวะและของเหลวอื่น ๆ รักษาอาการบิด แก้หวัด คออักเสบ ถอนพิษที่เกิดจากสารหนู
- ช่วยลดความดันโลหิต แก้เบาหวาน บำรุงสายตา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของไตและม้าม
- แก้อาการตกขาว และอาการน้ำอสุจิเคลื่อนบ่อย (อันนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ว่าเคลื่อนยังไง)
- เปลือกหุ้มเมล็ดถั่วเขียวเป็นแหล่งเส้นใยที่ดี จึงช่วยป้องกันท้องผูกริดสีดวงทวาร ช่วยรักษาโรคตาแดง ตาอักเสบ ช่วยให้เจริญอาหาร
- ถั่วเขียวมีปริมาณไขมันต่ำกว่าถั่วลิสงและถั่วเหลือง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
วิธีใช้
- ต้มถั่วเขียวกับน้ำตาล หรืออาจไม่เติมน้ำตาลก็ได้ กินเป็นยาและอาหาร ช่วยแก้ร้อนในและเพิ่มพลัง
- ต้มถั่วเขียวกับแกนกะหล่ำปลี กรองเอาเฉพาะส่วนน้ำมาดื่ม รักษาอาการคางทูม
- ต้มถั่วเขียวกับลูกเดือยและสะระแหน่ เติมน้ำตาลเล็กน้อย กินรักษาอาการร้อนใน ตาแดง ริดสีดวงทวาร และโรคผิวหนัง
- ต้มถั่วเขียวกับแตงกวา ฟักทอง และเปลือกแตงโม กินแก้ร้อนใน ถอนพิษ และบำบัดโรคผิวหนัง
- ต้มถั่วเขียวกับถั่วแดง และลูกเดือย กินบำบัดอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร บวมน้ำ หรือต้องการถอนพิษ
- ต้มถั่วเขียวกับสาหร่ายทะเล และน้ำตาลกรวด กินเพื่อลดระดับไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดความดันโลหิต
- ต้มถั่วเขียวโดยไม่ใส่น้ำตาล กินทุกวันจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับม้าม หรือท้องเสียบ่อย ๆ ไม่ควรกิน
ขอขอบคุณ : บล็อกแก๊งค์ดอทคอม/และภาพจากอินเตอร์เน็ต